คณะศึกษาศาสตร์

หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาวิชาพลศึกษา และวิทยาศาสตร์การออกกำลังกาย

Bachelor of Education Program in Physical Education and Exercise Science


จำนวนรับเข้าศึกษา
60 คน/ปี

ระยะเวลาการศึกษาของหลักสูตร
4 ปี

ค่าธรรมเนียมการศึกษาโดยประมาณ 15,000/ภาคการศึกษา

รายละเอียดหลักสูตร
(Program Spacifications)

ข้อมูลการติดต่อ

โทรศัพท์: 055-962407
E-mail: -
จุดเด่นของหลักสูตร
    นิสิตที่สำเร็จการศึกษาแล้ว สามารถประกอบ 1. ครูพลศึกษาในหน่วยงานราชการและเอกชน 2. นักวิชาการศึกษาและบุคลากรทางการศึกษา 3. นักวิทยาศาสตร์การออกกำลังกายประจำหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับ การออกกำลังกาย การส่งเสริมสุขภาพและการกีฬา 4. นักพัฒนาชุมชนทางด้านพลศึกษา การออกกำลังกายและสุขภาพ 5. นักวิจัย ผู้ช่วยนักวิจัย นักวิชาการที่ทำงานในหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับ การออกกำลังกาย การส่งเสริมสุขภาพและการกีฬา 6. ผู้ประกอบการธุรกิจด้านการออกกำลังกาย การส่งเสริมสุขภาพและการกีฬา 7. ผู้ให้คำแนะนำการออกกำลังกาย การส่งเสริมสุขภาพและการกีฬา ในสถานประกอบการ 8. ผู้จัดโครงการส่งเสริม พัฒนาและบริการทางการออกกำลังกาย การส่งเสริมสุขภาพและการกีฬา

ปรัชญาของหลักสูตร
    การผลิตบัณฑิตที่มีความเข้าใจในทักษะกระบวนการของศาสตร์ทางด้านพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การออกกำลังกาย มีความเข้มแข็งทางวิชาชีพครูและการวิจัย ภายใต้กรอบของคุณธรรมและจริยธรรม
ความสำคัญของหลักสูตร
    1. พัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถในการบูรณาการความรู้สู่การปฏิบัติโดยผ่านกระบวนการทางพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การออกกำลังกาย 2. การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เศรษฐกิจและสังคมรวมถึงความเฉพาะต่อการทำงานที่ต้องอาศัยการบูรณาการความรู้มากยิ่งขึ้น หลักสูตรจึงส่งเสริมให้ผู้เรียนมีการบูรณาการองค์ความรู้ด้านพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การออกกำลังกาย พัฒนาความรู้ด้วยระบบ การเรียนการสอน การวิจัย และการบริการวิชาการ เพื่อพัฒนาความสามารถของบุคลากรทางการศึกษา พลศึกษา การออกกำลังกาย การกีฬาและสุขภาพให้สูงขึ้น 3. การพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ในสหวิทยาการทางพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การออกกำลังกายเพื่อพัฒนาความสามารถของบุคลากรทางการศึกษา พลศึกษา การออกกำลังกาย การกีฬาและสุขภาพให้สูงขึ้น วัตถุประสงค์ เพื่อผลิตการศึกษาบัณฑิต สาขาวิชาพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การออกกำลังกาย ให้มีคุณลักษณะ ดังต่อไปนี้ 1. มีคุณธรรมจริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครูรวมทั้งมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และสังคม 2. มีความรู้ความเข้าใจแนวคิด ทฤษฎี หลักการ กระบวนการ และความก้าวหน้าในศาสตร์สาขาวิชาพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การออกกำลังกายอย่างเป็นระบบ 3. มีความตระหนักถึงคุณค่าของการใช้ปัญญา ตามวิถีทางพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การออกกำลังกายในการดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ และการแก้ปัญหา 4. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเองและผู้อื่น ในการทำงานและการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นกัลยาณมิตร สามารถเป็นผู้นำและผู้ตามในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง 5. สามารถใช้ภาษาพูด ภาษาเขียน การอ่าน และเทคโนโลยีสารสนเทศ ในการสื่อสาร การเรียนรู้ การเก็บรวบรวมและนำเสนอข้อมูล และการแก้ปัญหาในการดำรงชีวิตและการวิจัยเพื่อพัฒนา การจัดการเรียนการสอนพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสมและ มีประสิทธิภาพ 6. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิด ทฤษฎี หลักการ และเชี่ยวชาญในทักษะการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การออกกำลังกาย ตามลักษณะและธรรมชาติของสาขาวิชาชีพในทุกองค์กรที่สามารถทำวิจัยเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ได้
กลุ่มอาชีพเป้าหมายเมื่อจบการศึกษา
    
1. ครูพลศึกษาในหน่วยงานราชการและเอกชน
2. นักวิชาการศึกษาและบุคลากรทางการศึกษา
3. นักวิทยาศาสตร์การออกกำลังกายประจำหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับ การออกกำลังกาย การส่งเสริมสุขภาพและการกีฬา
4. นักพัฒนาชุมชนทางด้านพลศึกษา การออกกำลังกายและสุขภาพ
5. นักวิจัย ผู้ช่วยนักวิจัย นักวิชาการที่ทำงานในหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับ การออกกำลังกาย การส่งเสริมสุขภาพและการกีฬา
6. ผู้ประกอบการธุรกิจด้านการออกกำลังกาย การส่งเสริมสุขภาพและการกีฬา
7. ผู้ให้คำแนะนำการออกกำลังกาย การส่งเสริมสุขภาพและการกีฬา ในสถานประกอบการ
8. ผู้จัดโครงการส่งเสริม พัฒนาและบริการทางการออกกำลังกาย การส่งเสริมสุขภาพและการกีฬา

ผลลัพธ์การเรียนรู้ที่คาดหวังของหลักสูตร
    

1. มีความรู้พื้นฐานทางการศึกษา ทักษะชีวิตพื้นฐาน หลักการทางภาษา ความเป็นครู ปรัชญา จรรยาบรรณทางพลศึกษา และมีความรู้และทักษะทางกีฬาพื้นฐานด้านพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การออกกำลังกาย

2. มีความรู้หลักการภาษาอังกฤษ และการประยุกต์ใช้ความรู้ด้านการพัฒนาหลักสูตร การจัดการเรียนรู้ การวัดประเมินผล และความรู้ด้านพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การออกกำลังกาย

3. มีทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา และการวิจัยที่สามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ และฝึกปฏิบัติทางพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การออกกำลังกาย

4. มีความสามารถในการจัดการเรียนรู้ การวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน การมีส่วนร่วมกับโรงเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และการฝึกปฏิบัติการสอนวิชาเอก และสามารถนำความรู้ไปวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า และให้ข้อมูลสะท้อนกลับได้